วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552
นบีสุไลมานกับ ยิว
นบีสุไลมานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคำกล่าวอ้างของพวกเขา(ยิว)
มีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับฟรีเมสัน ในฐานะมุสลิมเราสมควรที่จะยอมรับเฉพาะสิ่งที่มีหลักฐานยืนยันจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ฟรีเมสันมีวาระที่พวกเขาจำต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง จุดกำเนิดของความเชื่อของพวกเขานั้นอ้างถึงท่านนบีสุลัยมานอลัยฮิสลาม พวกเขาอ้างว่ารอบบริเวณมัสยิดอัลอักซอเป็นที่ตั้งวิหารของนบีสุลัยมาน พวกเขาพยายามที่จะค้นหาบางสิ่งที่ถูกฝังเอาไว้ใต้มัสยิดอัลอักซอ ต่อจากนี้เราจะได้ทราบเรื่องราวของพวกเขาผ่านการบอกเล่าที่ถูกกลั่นกรองมาจากชีวประวัติของนบีสุลัยมาน
ท่านนบีสุลัยมานได้รับความโปรดปราณจากอัลลอฮฺด้วยอำนาจเวทย์มนต์ไสยศาสตร์ ซึ่งชาวยะฮูดได้อ้างว่าการใช้เวทย์มนต์ไสยศาสตร์นั้นเป็นการทำตามแบบอย่างของนบีสุลัยมาน ในคัมภีร์ของชาวยิวบอกไว้ว่านบีสุลัยมานได้ใช้ประโยชน์จากไสยศาสตร์ผ่านasmodeus อัสโมดีอุส ซึ่งเป็นหัวหน้าของชัยตอน เขาได้สั่งการให้ลูกน้องของเขาก่อสร้างวิหารให้นบีสุลัยมาน และได้สอนวิชาไสยศาสตร์ให้แก่นบีสุลัยมาน เขาสื่อสารกับสุลัยมานด้วยพิธีกรรมและรหัสลับต่างๆซึ่งกลุ่มฟรีเมสันได้รับสืบทอดมาจากสมัยของนบีสุลัยมาน คุณจะพบว่าพวกเขามีแนวความคิดต่างๆอ้างอิงถึงวิหารของโซโลมอนซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจสูงสุดของพวกเขา ไม่ว่าการใช้ไสยศาสตร์จากคาบาลา หรือจากที่แห่งใดก็ตามพวกเขาได้เรียนก็ถือได้ว่าเป็นการทำตามแบบอย่างของนบีสุลัยมาน ทว่าสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้างนั้นล้วนเป็นการสืบสานกันมาจากลูกหลานในเชื้อสายยิวมิได้มีส่วนโยงไปถึงนบีสุลัยมานแต่อย่างใด ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาได้เรียนมาจากที่ใดจนตกทอดมาถึงยุคปัจจุบัน เรามิได้กล่าวถึงมายากลง่ายๆเช่นการซ่อนเหรียญ แต่เป็นไสยศาสตร์ที่เป็นอันตราย วิทยากลซึ่งใช้กันในสมัยของฟิรเอาวน์ เป็นวิทยากลที่ใช้ในการลวงตา ส่วนวิทยากลที่พวกเขาได้เรียนจากบาบิโลนคือวิทยากลที่ใช้ในการสะกดจิต ในประวัติศาสตร์ชาวยิวถูกกวาดล้างโดยเนบูคัตเนสซาร์ ซึ่งอัลลอฮฺลงโทษชาวยิวโดยในครั้งนั้นถือเป็นจุดที่ชาวยิวถูกตัดออกจากสารบบศาสนาอันบริสุทธ์ของอัลลอฮฺ ศาสนาของพวกเขาถูกบิดเบือนไปจากคัมภีร์ดั้งเดิมของพวกเขาในศาสนายูดายโดยฝีมือของเหล่ารับไบซึ่งมีอิทธิพลอยู่ในบาบิโลน จากฮาดีษที่อบูซัรได้ถามถึงบ้านของอัลลอฮฺหลังแรกบนแผ่นดินซึ่งนบีมูฮัมมัด(ซ.ล.)บอกว่านั่นมัสยิดฮะรอม ส่วนหลังที่สองคือมัสยิดอัลอักซอ ซึ่งระยะเวลาสร้างห่างกัน40ปี ซึ่งเป็นช่วงระหว่างชีวิตของนบีอิบรอฮีมและยะกูบอลัยฮิสลาม เมื่อถึงยุคสมัยของนบีสุไลมานท่านได้ขยายอาณาบริเวณมัสยิดอัลอักซอจนกว้างขวาง ซึ่งอยู่ใกล้กับบริเวณวังของท่าน ซึ่งพวกยิวได้อ้างถึงตำนานต่างๆของวิหารแห่งนี้ล้วนบิดเบือนออกไปจากความจริง อัลลอฮฺได้กล่าวไว้ในซูเราะฮฺบะกอเราะอายะฮฺที่101-102ว่า
และเมื่อใดก็ตามที่รอซูลจากอัลลอฮ์มายังพวกเขา เป็นผู้ยืนยันคัมภีร์ที่มีอยู่กับพวกเขา ชาวคัมภีร์กลุ่มหนึ่งก็จะโยนคัมภีร์ของอัลลอฮ์ไว้ข้างหลัง ประหนึ่งว่าพวกเขาไม่รู้อะไร
และ (แทนที่จะปฏิบัติตามกุรอาน) พวกเขาได้เริ่มปฏิบัติตาม (วิทยากล) ที่พวกวายร้ายได้อ้างอย่างผิด ๆ ว่ามันมาจาก (ความยิ่งใหญ่แห่ง) อาณาจักรสุลัยมาน ทั้งที่ความจริงแล้ว สุลัยมานมิได้เกี่ยวข้องกับการปฏิเสธ แต่พวกมารร้ายที่พร่ำสอนวิชาไสยศาสตร์ให้แก่ผู้คนต่างหากที่ปฏิเสธ พวกเขาปฏิบัติตามสิ่งที่ถูกส่งมายังฮารูตและมารูต มลาอิกะฮ์สองคนที่บาบิล (บาบิโลน) เมื่อใดก็ตามที่มลาอิกะฮ์ทั้งสองได้สอนไสยศาสตร์แก่ผู้ใด เขาทั้งสองจะเตือนล่วงหน้าไว้อย่างชัดเจนว่า เราเป็นเพียงการทดลองอย่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น พวกท่านจงอย่าปฏิเสธ แต่ถึงแม้จะเตือนแล้ว คนเหล่านั้นก็ได้เรียนจากมลาอิกะฮ์ทั้งสองซึ่งวิชาที่เป็นสาเหตุให้เกิดการ แตกแยกระหว่างสามี และคู่ครองของเขา ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถทำอันตรายแก่ผู้ใดโดยใช้ไสยศาสตร์ได้ หากปราศจากการอนุมัติของอัลลอฮ์ แต่พวกเขาก็ยังคงเรียนสิ่งที่ให้โทษแก่พวกเขาและไม่ได้ให้คุณแก่พวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขารู้ดีว่าผู้ใดที่ซื้อวิชานี้จะไม่มีส่วนใดในปรโลกสำหรับเขาเลย ช่างชั่วช้าเสียนี่กระไร สำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ขายตัวของพวกเขาไป เพื่อมัน ถ้าหากว่าพวกเขารู้
นักตัฟซีรกล่าวว่านบีสุลัยมานทราบว่าผู้คนได้เรียนรู้ไสยศาสตร์จาชัยตอนและใช้ในทางที่ชั่ว นบีสุลัยมานท่านจึงสั่งเก็บคัมภีร์ต่างๆที่ผู้คนได้เรียน และนำไปเผาและฝังเอาไว้ ส่วนใครที่เรียนไสยศาสตร์ก็จะถูกประหารชีวิต เพื่อไม่ให้มีใครอาจร่ำเรียนและทดลองวิชาไสยศาสตร์อีกต่อไป
อ้างอิงจากงานของอิบนุกะษีร อัลบิดายะ วะนิฮายะ (จุดเริ่มต้นและจุดจบ)
นบีสุลัยมานได้รับอำนาจปกครองควบคุมชัยตอนจากอัลลอฮฺทว่าผู้คนต่างแพร่ข่าวลือว่านบีสุลัยมานได้ใช้วิชาไสยศาสตร์เพื่อควบคุมชัยตอน อัลลอฮฺได้โต้แย้งพวกเขาด้วยอายะฮฺกุรอานข้างต้น ว่านบีสุลัยมานมิได้ใช้ไสยศาสตร์ ทว่าพวกปฏิเสธศรัทธาต่างหากที่ได้เรียนไสยศาสตร์จากชัยตอน ในกุรอานอัลลอฮฺได้แย้งด้วยผู้ที่สอนและแหล่งที่มาของไสยศาสตร์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริง ซึ่งกุรอานได้บอกชัดเจนว่า วิชานี้เริ่มต้นใช้กันในบาบิโลนต่างหาก เมื่ออ่านกุรอานก็ควรรับฟังข้อมูลให้ครบถ้วน ฮารูตและมารูตเป็นมลาอิกะฮฺที่มาสอนเวทย์มนต์แก่มนุษย์ และเขาได้ย้ำแก่มนุษย์ว่าสิ่งนี้เป็นการทดสอบ(ฟิตนะ)เพื่อให้เขาไม่ปฏิเสธการศรัทธา ทว่ามนุษย์กับนำไปใช้เพื่อตอบสนองอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขา มลาอิกะฮฺที่มาสอนมิได้ฝ่าฝืนคำสั่งของพระองค์ วิชานี้จึงได้สืบทอดกันต่อไปในลูกหลานของพวกเขา ส่วนใหญ่พวกเขาใช้เพื่อทำให้สามีภรรยาแตกแยกกัน วิชาไสยศาสตร์สามารถใช้กับสิ่งอื่นๆได้อย่างหลากหลาย เช่นการนำวัตถุแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกายของคน ในฮาดีษหนึ่ง ชาวยิวได้ใช้ไสยศาสตร์กับท่านรอซูลและนำของไปทิ้งไว้ในบ่อน้ำ เนื่องจากเวทย์มนต์สามารถทำให้มนุษย์มีอำนาจเหนือธรรมชาติได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตั้งล้ออนุมัติให้มันเกิดขึ้น
อัลลอฮฺได้สอนวิธีในการรักษาผลของเวทย์มนต์ด้วยซูเราะฮฺอันนาส เวทย์มนต์นั้นเป็นสิ่งที่เป็นอันตรายและไม่ก่อประโยชน์ เหล่าพ่อมดหมอผียอมแลกตัวเองให้ได้รับผลประโยชน์จากเวทย์มนต์ พวกเขาใช้มันเพื่อทำร้ายและหลอกลวงผู้คน ในพิธีกรรมของพวกเขาจำต้องใช้สิ่งต่างๆในการทำสัญญากับญิน เช่น เส้นผม ชิ้นส่วนมนุษย์ งู เลือด แมลง ผู้คนเหล่านี้ได้ร่ำเรียนในสิ่งที่อัลลอฮฺไม่ได้สั่งใช้ ท่านอุมัรได้เคยส่งคนนำสารไปทั่วหัวเมืองเพื่อประกาศห้ามการทำมาหากินของนักไสยศาสตร์ซึ่งเป็นการงานของชัยตอน ฮะดีษหนึ่งนบีได้บอกว่า ชัยตอนจะไปรายงานผลงานของตนแก่หัวหน้าของมัน และแจ้งข่าวดีแก่หัวหน้าว่า ฉันสามารถทำให้สามีภรรยาแตกแยกกันได้ หัวหน้าจึงกล่าวชมเชยมัน
อัลลอฮฺได้ตอบรับดุอาของนบีสุลัยมาน ซึ่งท่านได้ขอให้อาณาจักรของท่านเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถทำได้อีก อาณาจักรของท่านเป็นอาณาจักรที่พิเศษอย่างที่สุด ท่านมีอำนาจปกครองชัยตอน ซึ่งพวกมันต้องทำงานรับใช้ท่านในงานที่มนุษย์ทำได้ยาก แต่ยะฮูดีได้กล่าวหานบีสุลัยมานว่าถูกครอบงำโดยชัยตอน ซึ่งความจริงท่านได้รับอำนาจปกครองพวกมัน เมื่อท่านกลับสู่ความเมตตาของอัลลอฮฺและปลวกได้กัดกินไม้เท้าที่ท่านใช้ค้ำยัน จนร่างของท่านล้มลง ชัยตอนที่ทำงานรับใช้ท่านมาตลอดถึงจะรู้ตัว อัลลอฮฺได้กล่าวไว้ในกุรอานเพื่อตอบโต้ยะฮูด ด้วยอายะฮฺที่ว่า
พวกเขา (ญิน) ทำงานให้เขา (สุลัยมาน) ตามที่เขาต้องการ (เช่นสร้าง) ปราสาทหลายแห่งที่สูงตระหง่าน และบรรดาหุ่นจำลอง และบรรดาโคมใส่อาหารมีขนาดเท่าบ่อน้ำและบรรดาหม้อสำหรับหุงอาหารตั้งอยู่กับ ที่ พวกเจ้าจงทำงานเถิด วงศ์วานของดาวู๊ดเอ๋ย! ด้วยการขอบคุณ และส่วนน้อยแห่งปวงบ่าวของเราที่เป็นผู้ขอบคุณ
ครั้นเมื่อเราได้กำหนดความตายแก่เขา มิได้มีสิ่งใดบ่งชี้แก่พวกเขาถึงความตายของเขา นอกจากปลวกใต้ดินแทะกินไม้เท้าของเขา ดังนั้น เมื่อเขาล้มลงพวกญินก็รู้อย่างชัดแจ้งว่า หากพวกเขารู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัยแล้ว พวกเขาจะไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานที่น่าอดสูเช่นนี้
ซูเราะอัซซะบา 13-14
ซึ่งพวกเขาอ้างว่าญิณสามารถรู้สิ่งเร้นลับหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หากพวกญิณสามารถรู้อนาคตได้คงไม่ถูกลงโทษอย่างน่าอัปยศเช่นนี้ สิ่งที่ลัทธินี้กำลังปฏิบัติสืบทอดกันมาล้วนวางอยู่บนรากฐานแห่งความบิดเบือน ซึ่งทำให้ผู้คนหลงผิด ในที่สุดแล้วการงานของพวกเขาก็จะประจักษ์ชัดถึงความล้มเหลวอย่างแน่นอน
เรียบเรียงจาก
Ibn yaseen anti shaytaan product
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น